ปาฏิหาริย์ของพระเยซูคริสต์เพื่อเสริมสร้างศรัทธาในความหวังของชีวิตนิรันดร์

พระคัมภีร์ไบเบิลฉบับภาษาไทย

Miracle1

« ที่​จริง พระ​เยซู​ยัง​ทำ​อะไร​อีก​มาก​มาย ถ้า​จะ​เขียน​ไว้​ทั้ง​หมด​ละ​ก็ ผม​คิด​ว่า​โลก​นี้​คง​ไม่​มี​ที่​พอ​จะ​เก็บ​ม้วน​หนังสือ​ทั้ง​หมด​นั้น​ได้ » (จอห์น 21:25)

พระเยซูคริสต์และการอัศจรรย์ครั้งแรกที่เขียนไว้ในข่าวประเสริฐของยอห์น พระองค์ทรงเปลี่ยนน้ำให้เป็นเหล้าองุ่น: « อง​วัน​ต่อ​มา มี​งาน​แต่งงาน​ที่​เมือง​คานา​ใน​แคว้น​กาลิลี แม่​ของ​พระ​เยซู​ก็​อยู่​ใน​งาน​เลี้ยง​นั้น พระ​เยซู​กับ​พวก​สาวก​ได้​รับ​เชิญ​ให้​ไป​ร่วม​งาน​ด้วย เมื่อ​เหล้า​องุ่น​ใกล้​หมด แม่​ของ​พระ​เยซู​มา​บอก​ท่าน​ว่า “ทำ​ยัง​ไง​ดี เหล้า​องุ่น​จะ​หมด​แล้ว?” แต่​พระ​เยซู​ตอบ​เธอ​ว่า “เรา​อย่า​ไป​กังวล​เลย​แม่ ตอน​นี้​ยัง​ไม่​ถึง​เวลา​ของ​ผม” แม่​ของ​ท่าน​จึง​บอก​พวก​คน​รับใช้​ว่า “พวก​คุณ​คอย​ทำ​ตาม​ที่​เขา​สั่ง​นะ” ที่​นั่น​มี​โอ่ง​หิน​ตั้ง​อยู่ 6 ใบ​เพื่อ​ใช้​ใน​พิธี​ชำระ​ล้าง​ตาม​กฎ​ของ​ชาว​ยิว แต่​ละ​ใบ​จุ​น้ำ​ได้​ประมาณ 2 หรือ 3 ถัง พระ​เยซู​บอก​พวก​คน​รับใช้​ว่า “เอา​น้ำ​ใส่​โอ่ง​ให้​เต็ม” พวก​เขา​ก็​เอา​น้ำ​ใส่​จน​เต็ม​ถึง​ปาก​โอ่ง แล้ว​ท่าน​สั่ง​อีก​ว่า “ตัก​ไป​ให้​ผู้​ดู​แล​งาน​เลี้ยง​สิ” พวก​เขา​ก็​ทำ​ตาม  ตอนที่​ผู้​ดู​แล​งาน​เลี้ยง​ชิม​น้ำ​นั้น มัน​กลาย​เป็น​เหล้า​องุ่น​ไป​แล้ว เขา​ไม่​รู้​ว่า​มัน​มา​จาก​ไหน แต่​พวก​คน​รับใช้​รู้ ผู้​ดู​แล​งาน​เลี้ยง​เรียก​เจ้าบ่าว​มา  และ​พูด​กับ​เขา​ว่า “ใคร ๆ เขา​ก็​เอา​เหล้า​องุ่น​ดี ๆ มา​ให้​ดื่ม​ก่อน เมื่อ​แขก​เมา​แล้ว​ค่อย​เอา​ที่​ไม่​ค่อย​ดี​มา​ให้ แต่​คุณ​กลับ​เก็บ​เหล้า​องุ่น​ดี ๆ ไว้​จน​ถึง​ตอน​นี้”  พระ​เยซู​ทำ​การ​อัศจรรย์​ครั้ง​แรก​นี้​ที่​เมือง​คานา​ใน​แคว้น​กาลิลี เพื่อ​เป็น​หลักฐาน​บอก​ฐานะ​และ​อำนาจ​ของ​ท่าน ทำ​ให้​พวก​สาวก​มี​ความ​เชื่อ​ใน​ตัว​ท่าน » (ยอห์น 2:1-11)

พระเยซูคริสต์ทรงรักษาบุตรผู้รับใช้ของกษัตริย์: « แล้ว​พระ​เยซู​ก็​ไป​ที่​เมือง​คานา​ใน​แคว้น​กาลิลี​ซึ่ง​เป็น​เมือง​ที่​ท่าน​เคย​เปลี่ยน​น้ำ​ให้​เป็น​เหล้า​องุ่น มีข้าราชการ​คน​หนึ่ง​ใน​เมือง​คาเปอร์นาอุม​ที่​ลูก​ชาย​ป่วย​อยู่  เมื่อ​ข้าราชการ​คน​นั้น​ได้​ข่าว​ว่า​พระ​เยซู​ออก​จาก​แคว้น​ยูเดีย​มา​ที่​แคว้น​กาลิลี เขา​ก็​เดิน​ทาง​มา​หา​ท่าน​และ​ขอ​ให้​ไป​รักษา​ลูก​ชาย​ของ​เขา​ที่​กำลัง​จะ​ตาย  แต่​พระ​เยซู​บอก​เขา​ว่า “พวก​คุณ​ที่​อยู่​ใน​แถบ​นี้​ไม่​เชื่อ​ผม​หรอก ถ้า​ไม่​ได้​เห็น​การ​อัศจรรย์​และ​ปาฏิหาริย์​ก่อน”  ข้าราชการ​คน​นั้น​อ้อน​วอน​ท่าน​ว่า “ท่าน​ครับ ช่วย​ไป​กับ​ผม​ด้วย​เถอะ ไม่​อย่าง​นั้น​ลูก​ของ​ผม​ตาย​แน่”  พระ​เยซู​บอก​เขา​ว่า “กลับ​ไป​เถอะ ลูก​ชาย​ของ​คุณ​หาย​ดี​แล้ว” เขา​เชื่อ​คำ​พูด​ของ​ท่าน​แล้ว​ก็​ไป  ระหว่าง​ทาง ทาส​ของ​เขา​มา​ส่ง​ข่าว​ว่า​ลูก​ชาย​หาย​เป็น​ปกติ​แล้ว  เขา​จึง​ถาม​ว่า​ลูก​ชาย​เขา​หาย​ป่วย​ตั้ง​แต่​เมื่อ​ไร พวก​ทาส​ตอบ​ว่า “ลูก​ชาย​ท่าน​หาย​ไข้​ตั้ง​แต่​เมื่อ​วาน​นี้​ตอน​บ่าย​โมง ครับ”  พ่อ​ของ​เด็ก​จึง​รู้​ว่า​เป็น​เวลา​เดียว​กับ​ที่​พระ​เยซู​พูด​ว่า “ลูก​ชาย​ของ​คุณ​หาย​ดี​แล้ว” ตัว​เขา​และ​ทุก​คน​ใน​บ้าน​จึง​เชื่อ​ใน​พระ​เยซู  นี่​เป็น​การ​อัศจรรย์​ครั้ง​ที่​สอง ซึ่ง​พระ​เยซู​ทำ​ที่​แคว้น​กาลิลี​หลัง​ออก​จาก​แคว้น​ยูเดีย » (ยอห์น 4:46-54)

พระเยซูคริสต์ทรงรักษาชายที่ถูกผีสิงในเมืองคาเปอรนาอุม: « พระ​เยซู​ไป​ที่​เมือง​คาเปอร์นาอุม​ใน​แคว้น​กาลิลี และ​สอน​ประชาชน​ใน​วัน​สะบาโต  คน​ที่​ได้​ฟัง​ก็​รู้สึก​ทึ่ง​กับ​วิธี​สอน​ของ​พระ​เยซู เพราะ​ท่าน​สอน​แบบ​คน​ที่​ได้​รับ​อำนาจ​จาก​พระเจ้า  ใน​ที่​ประชุม​นั้น มี​ผู้​ชาย​คน​หนึ่ง​ที่​ถูก​ปีศาจ​ร้าย​สิง​อยู่ เขา​ตะโกน​เสียง​ดัง​ว่า  “เยซู​ชาว​นาซาเร็ธ มา​ยุ่ง​กับ​พวก​เรา​ทำไม? จะ​มา​ทำลาย​พวก​เรา​หรือ​ไง? เรา​รู้​นะ​ว่า​ท่าน​เป็น​ใคร ท่าน​เป็น​ผู้​บริสุทธิ์​ของ​พระเจ้า”  แต่​พระ​เยซู​ห้าม​มัน​ว่า “เงียบ! ออก​ไป​จาก​เขา​เดี๋ยว​นี้” ปีศาจ​ก็​ทำ​ให้​คน​นั้น​ล้ม​ลง​กลาง​ฝูง​ชน​แล้ว​ออก​ไป​จาก​เขา​โดย​ไม่​ได้​ทำ​อันตราย  ทุก​คน​ประหลาด​ใจ​และ​พูด​กัน​ว่า “อะไร​กัน​นี่? คำ​พูด​ของ​เขา​มี​พลัง​อำนาจ​ถึง​ขนาด​สั่ง​ปีศาจ​ร้าย​ให้​ออก​มา​ได้​เลย​หรือ?”  เรื่อง​ของ​พระ​เยซู​ก็​เล่า​ลือ​ไป​ทั่ว​แถบ​นั้น » (ลูกา 4:31-37)

พระเยซูคริสต์ทรงขับผีออกในดินแดนแห่งกาดารีน (ปัจจุบันคือจอร์แดน ทางตะวันออกของแม่น้ำจอร์แดน ใกล้ทะเลสาบทิเบเรียส): « แล้ว​พระ​เยซู​ก็​ไป​ถึง​อีก​ฝั่ง​หนึ่ง​ใน​เขต​แดน​ของ​ชาว​กาดารา ที่​นั่น​มี​ผู้​ชาย 2 คน​ที่​ถูก​ปีศาจ​สิง พวก​เขา​ออก​มา​จาก​สุสาน​และ​มา​เจอ​ท่าน สอง​คน​นี้​ดุ​ร้าย​มาก​จน​ไม่​มี​ใคร​กล้า​เดิน​ผ่าน​ทาง​นั้น​เลย  พวก​เขาร้อง​โวยวาย​ว่า “ลูก​ของ​พระเจ้า มา​ยุ่ง​กับ​พวก​เรา​ทำไม? จะ​มา​ทรมาน​พวก​เรา ก่อน​เวลา​ที่​พระเจ้า​กำหนด​ไว้​หรือ?”  ไกล​จาก​ที่​นั่น​พอ​สม​ควร มี​หมู​ฝูง​ใหญ่​กำลัง​หา​กิน​อยู่  ปีศาจ​พวก​นั้น​จึง​ขอร้อง​พระ​เยซู​ว่า “ถ้า​จะ​ขับ​ไล่​พวก​เรา​ออก​ไป ขอ​ให้​พวก​เรา​ไป​เข้า​สิง​ใน​หมู​ฝูง​นั้น​แทน​เถอะ”  ท่าน​บอก​พวก​มัน​ว่า “ไป​สิ” พวก​มัน​ก็​ออก​ไป​เข้า​สิง​ใน​หมู​พวก​นั้น แล้ว​หมู​ทั้ง​ฝูง​ก็​กระโดด​จาก​หน้าผา​ลง​ไป​ใน​ทะเลสาบ​และ​จม​น้ำ​ตาย​หมด  ส่วน​คน​เลี้ยง​หมู​ก็​วิ่ง​หนี​เข้า​ไป​ใน​เมือง และ​เล่า​เรื่อง​ที่​เกิด​ขึ้น​ทั้ง​หมด​ให้​ชาว​เมือง​ฟัง รวม​ทั้ง​เรื่อง​ผู้​ชาย​สอง​คน​ที่​ถูก​ปีศาจ​สิง​ด้วย  คน​ทั้ง​เมือง​จึง​มา​หา​พระ​เยซู เมื่อ​เจอ​ท่าน​แล้ว พวก​เขา​ก็​ขอ​ให้​ท่าน​ออก​ไป​จาก​เขต​แดน​ของ​เขา » (มัทธิว 8:28-34)

พระเยซูคริสต์รักษาแม่เลี้ยงของอัครสาวกเปโตร: « ตอน​ที่​พระ​เยซู​มา​ถึง​บ้าน​ของ​เปโตร ท่าน​เห็น​แม่ยาย​ของ​เขา นอน​ป่วย​เป็น​ไข้​อยู่  พระ​เยซู​จึง​แตะ​มือ​เธอ เธอ​ก็​หาย​ไข้​แล้ว​ลุก​ขึ้น​มา​รับใช้​ท่าน » (มัทธิว 8:14,15)

พระเยซูคริสต์ทรงรักษาชายคนหนึ่งที่มือเป็นอัมพาต: « วัน​สะบาโต​อีก​วัน​หนึ่ง พระ​เยซู​เข้า​ไป​สอน​ใน​ที่​ประชุม​ของ​ชาว​ยิว มี​ผู้​ชาย​คน​หนึ่ง​ที่​มือ​ขวา​ลีบ​อยู่​ที่​นั่น​ด้วย  พวก​ครู​สอน​ศาสนา​กับ​พวก​ฟาริสี​คอย​จ้อง​จับ​ผิด​พระ​เยซู​ว่า​จะ​รักษา​โรค​ใน​วัน​สะบาโต​ไหม  แต่​ท่าน​รู้​ว่า​พวก​เขา​คิด​อะไร​อยู่ จึง​พูด​กับ​คน​มือ​ลีบ​ว่า “ลุก​ขึ้น​มา​ยืน​ข้าง​หน้า​นี้​หน่อย” เขา​ก็​ลุก​ขึ้น​ยืน  แล้ว​พระ​เยซู​พูด​กับ​พวก​นั้น​ว่า “ขอ​ถาม​หน่อย ตาม​กฎ​วัน​สะบาโต ควร​ทำ​ดี​หรือ​ทำ​ชั่ว ควร​ช่วย​ชีวิต​หรือ​ทำลาย​ชีวิต?”  พระ​เยซู​กวาด​สายตา​มอง​ผู้​คน​ที่​อยู่​รอบ ๆ แล้ว​พูด​กับ​ผู้​ชาย​มือ​ลีบ​ว่า “เหยียด​มือ​ออก​มา​สิ” เขา​ก็​เหยียด​มือ​ออก และ​มือ​ที่​ลีบ​ก็​หาย​เป็น​ปกติ  พวก​ครู​สอน​ศาสนา​กับ​พวก​ฟาริสี​โกรธ​แค้น​มาก​และ​ปรึกษา​กัน​ว่า​จะ​จัด​การ​กับ​พระ​เยซู​อย่าง​ไร » (ลูกา 6:6-11)

พระเยซูคริสต์ทรงรักษาชายที่มีอาการท้องมาน (อาการบวมน้ำ การสะสมของของเหลวในร่างกายมากเกินไป): « ครั้ง​หนึ่ง​ใน​วัน​สะบาโต พระ​เยซู​ไป​กิน​อาหาร​ที่​บ้าน​ของ​ผู้​นำ​ฟาริสี​คน​หนึ่ง คน​ที่​นั่น​คอย​จับตา​ดู​ท่าน​อยู่  มี​ผู้​ชาย​คน​หนึ่ง​เป็น​โรค​บวม​น้ำ​อยู่​ตรง​หน้า​พระ​เยซู​ด้วย  พระ​เยซู​จึง​ถาม​พวก​ที่​เชี่ยวชาญ​กฎหมาย​ของ​โมเสส​และ​พวก​ฟาริสี​ว่า “ผิด​ไหม​ถ้า​จะ​รักษา​โรค​ใน​วัน​สะบาโต?”  แต่​พวก​เขา​ไม่​ตอบ​อะไร พระ​เยซู​จึง​วาง​มือ​บน​ผู้​ชาย​คน​นั้น รักษา​เขา และ​ให้​เขา​กลับ​ไป  แล้ว​ท่าน​หัน​มา​ถาม​พวก​เขา​ว่า “ถ้า​ลูก​ชาย​หรือ​วัว​ของ​คุณ​ตก​บ่อ ใน​วัน​สะบาโต คุณ​จะ​ไม่​รีบ​ดึง​ขึ้น​มา​หรือ?”  พวก​เขา​ก็​พูด​ไม่​ออก » (ลูกา 14:1-6)

พระเยซูคริสต์ทรงรักษาชายตาบอด: « เมื่อ​พระ​เยซู​เดิน​ทาง​ใกล้​ถึง​เมือง​เยรีโค มี​ผู้​ชาย​ตา​บอด​คน​หนึ่ง​นั่ง​ขอ​ทาน​อยู่​ริม​ทาง เมื่อ​เขา​ได้​ยิน​เสียง​คน​มาก​มาย​เดิน​ผ่าน​ไป เขา​ก็​ถาม​ว่า​เกิด​อะไร​ขึ้น มี​คน​บอก​เขา​ว่า “เยซู​ชาว​นาซาเร็ธ​กำลัง​ผ่าน​มา​ทาง​นี้” เขา​จึง​ร้อง​ว่า “ท่าน​เยซู ลูก​หลาน​ดาวิด ขอ​เมตตา​ผม​ด้วย” คน​ที่​เดิน​อยู่​ข้าง​หน้า​จึง​บอก​เขา​ให้​เงียบ แต่​เขา​กลับ​ร้อง​ตะโกน​ดัง​ขึ้น​อีก​ว่า “ท่าน​ผู้​เป็น​ลูก​หลาน​ดาวิด​ครับ ขอ​เมตตา​ผม​ด้วย” พระ​เยซู​จึง​หยุด​เดิน​และ​สั่ง​ให้​พา​คน​นั้น​มา​หา แล้ว​ท่าน​ก็​ถาม​เขา​ว่า  “มี​อะไร​ให้​ผม​ช่วย​ไหม?” เขา​ตอบ​ว่า “นาย​ท่าน ช่วย​ทำ​ให้​ผม​มอง​เห็น​ด้วย​เถอะ” พระ​เยซู​จึง​บอก​เขา​ว่า “ได้​สิ มอง​เห็น​เถอะ ความ​เชื่อ​ของ​คุณ​ทำ​ให้​คุณ​หาย​เป็น​ปกติ​แล้ว” ทันใด​นั้น เขา​ก็​มอง​เห็น​ได้ แล้ว​เดิน​ตาม​พระ​เยซู​ไป พร้อม​กับ​สรรเสริญ​พระเจ้า เมื่อ​ประชาชน​เห็น​อย่าง​นั้น​ก็​พา​กัน​สรรเสริญ​พระเจ้า​ด้วย » (ลูกา 18:35-43)

พระเยซูคริสต์ทรงรักษาคนตาบอดสองคน: « เมื่อ​พระ​เยซู​เดิน​ทาง​ต่อ​ไป​ก็​มี​ผู้​ชาย​ตา​บอด 2 คน เดิน​ตาม​ท่าน​และ​ร้อง​ว่า “ท่าน​ผู้​เป็น​ลูก​หลาน​ดาวิด​ครับ ขอ​เมตตา​พวก​เรา​ด้วย”  พอ​พระ​เยซู​เข้า​ไป​ใน​บ้าน ผู้​ชาย​ตา​บอด​สอง​คน​นั้น​ก็​ตาม​เข้า​ไป ท่าน​จึง​ถาม​พวก​เขา​ว่า “คุณ​เชื่อ​จริง ๆ หรือ​ว่า​ผม​ทำ​ให้​คุณ​มอง​เห็น​ได้?” ทั้ง​สอง​ตอบ​ว่า “เชื่อ​ครับ​ท่าน” พระ​เยซู​จึง​แตะ​ที่​ตา​พวก​เขา และ​พูด​ว่า “ถ้า​อย่าง​นั้น​ก็​ให้​เป็น​ไป​ตาม​ที่​คุณ​เชื่อ​เถอะ”  แล้ว​พวก​เขา​ก็​มอง​เห็น และ​พระ​เยซู​สั่ง​พวก​เขา​ว่า “อย่า​บอก​เรื่อง​นี้​ให้​ใคร​รู้”  แต่​เมื่อ​พวก​เขา​ออก​ไป​แล้ว​ก็​เล่า​เรื่อง​ของ​ท่าน​จน​ลือ​กัน​ไป​ทั่ว​เขต​นั้น » (มัทธิว 9:27-31)

พระเยซูคริสต์ทรงรักษาคนหูหนวก: “พระ​เยซู​ออก​จาก​บริเวณ​เมือง​ไทระ แล้ว​เดิน​ทาง​ผ่าน​เมือง​ไซดอน ผ่าน​เขต​เดคาโปลิส จน​ถึง​ทะเลสาบ​กาลิลี  ที่​นั่น มี​คน​พา​ผู้​ชาย​คน​หนึ่ง​ที่​หู​หนวก​และ​พูด​ไม่​ค่อย​ได้​มา​หา​ท่าน และ​ขอร้อง​ท่าน​ให้​วาง​มือ​บน​เขา  พระ​เยซู​จึง​พา​เขา​แยก​ออก​มา​จาก​ฝูง​ชน แหย่​นิ้ว​มือ​เข้า​ไป​ใน​หู​ทั้ง​สอง​ข้าง​ของ​เขา บ้วน​น้ำลาย แล้ว​เอา​มา​แตะ​ที่​ลิ้น​ของ​เขา  ท่าน​เงย​หน้า​มอง​ท้องฟ้า​พร้อม​กับ​ถอน​หายใจ​ยาว ๆ และ​พูด​กับ​เขา​ว่า “เอฟฟาธา” ซึ่ง​แปล​ว่า “เปิด​ออก” หู​เขา​ก็​ได้​ยิน​ทันที ลิ้น​เขา​ก็​ไม่​ติด​ขัด และ​เริ่ม​พูด​ได้​เป็น​ปกติ  พระ​เยซู​สั่ง​ทุก​คน​ไม่​ให้​เล่า​เรื่อง​นี้​ให้​ใคร​ฟัง แต่​ยิ่ง​ห้าม พวก​เขา​ก็​ยิ่ง​บอก​เรื่อง​นี้​ไป​ทั่ว  พวก​เขา​รู้สึก​ทึ่ง และ​พูด​กัน​ว่า “คน​คน​นี้​ทำ​แต่​เรื่อง​ดี ๆ ขนาด​คน​หู​หนวก​เขา​ยัง​ทำ​ให้​ได้​ยิน​และ​คน​ใบ้​เขา​ก็​ทำ​ให้​พูด​ได้”” (มาระโก 7:31-37)

พระเยซูคริสต์รักษาคนโรคเรื้อน: « มี​คน​โรค​เรื้อน​คน​หนึ่ง​มา​หา​พระ​เยซู เขา​ถึง​กับ​คุกเข่า​ลง​อ้อน​วอน​ท่าน​ว่า “เพียง​แค่​ท่าน​อยาก​ช่วย ท่าน​ก็​จะ​รักษา​ผม​ได้”  พระ​เยซู​รู้สึก​สงสาร​เขา จึง​ยื่น​มือ​ออก​สัมผัส​ตัว​เขา​และ​พูด​ว่า “ผม​อยาก​ช่วย หาย​โรค​เถอะ” แล้ว​เขา​ก็​หาย​จาก​โรค​เรื้อน​ทันที » (มาระโก 1:40-42)

การรักษาคนโรคเรื้อนสิบคน: « ตอน​ที่​พระ​เยซู​เดิน​ทาง​ไป​กรุง​เยรูซาเล็ม ท่าน​ใช้​เส้น​ทาง​ที่​อยู่​ระหว่าง​แคว้น​สะมาเรีย​กับ​แคว้น​กาลิลี เมื่อ​พระ​เยซู​เข้า​ไป​ใน​หมู่​บ้าน​แห่ง​หนึ่ง มี​คน​โรค​เรื้อน 10 คน​เห็น​ท่าน แต่​พวก​เขา​ยืน​อยู่​ห่าง ๆ  และร้อง​ตะโกน​ว่า “อาจารย์​เยซู ขอ​เมตตา​พวก​เรา​ด้วย”  เมื่อ​พระ​เยซู​เห็น​พวก​เขา​ก็​พูด​ว่า “ไป​หา​ปุโรหิต​แล้ว​ให้​พวก​เขา​ตรวจ​ดู” และ​ตอน​ที่​อยู่​กลาง​ทาง​นั้น​เอง พวก​เขา​ก็​หาย​โรค  คน​หนึ่ง​ใน​นั้น เมื่อ​เห็น​ว่า​หาย​โรค​แล้ว ก็​ย้อน​กลับ​มา​พร้อม​กับ​สรรเสริญ​พระเจ้า​เสียง​ดัง  เขา​หมอบ​ลง​ที่​เท้า​ของ​พระ​เยซู​และ​ขอบคุณ​ท่าน ผู้​ชาย​คน​นี้​เป็น​คน​สะมาเรีย  พระ​เยซู​ถาม​ว่า “มี​ตั้ง 10 คน​หาย​โรค​ไม่​ใช่​หรือ? แล้ว​อีก 9 คน​อยู่​ไหน​ล่ะ?  ไม่​มี​ใคร​กลับ​มา​สรรเสริญ​พระเจ้า​เลย​หรือ​นอก​จาก​คน​นี้​ที่​เป็น​คน​ต่าง​ชาติ?”  แล้ว​ท่าน​บอก​เขา​ว่า “ลุก​ขึ้น​กลับ​ไป​เถอะ ความ​เชื่อ​ของ​คุณ​ทำ​ให้​คุณ​หาย​โรค​แล้ว” » (ลูกา 17:11-19)

พระเยซูคริสต์ทรงรักษาอัมพาต: « หลัง​จาก​นั้น มี​เทศกาล ของ​ชาว​ยิว และ​พระ​เยซู​ไป​ที่​กรุง​เยรูซาเล็ม ใกล้ ๆ ประตู​แห่ง​หนึ่ง​ใน​กรุง​เยรูซาเล็ม​ที่​ชื่อ​ประตู​แกะ มี​สระ​น้ำ​ที่​เรียก​ใน​ภาษา​ฮีบรู​ว่า​เบธซาธา ซึ่ง​มี​ระเบียง​ทาง​เดิน 5 ระเบียง มี​คน​มาก​มาย​ที่​ป่วย ตา​บอด ขา​พิการ และ​แขน​ขา​ลีบ มา​นอน​อยู่​ที่​ระเบียง ที่​นั่น​มี​ผู้​ชาย​คน​หนึ่ง​ที่​ป่วย​มา 38 ปี​แล้ว เมื่อ​พระ​เยซู​เห็น​เขา​นอน​อยู่​และ​รู้​ว่า​เขา​ป่วย​มา​นาน ท่าน​จึง​พูด​กับ​เขา​ว่า “คุณ​อยาก​หาย​ป่วย​ไหม?”  ผู้​ชาย​ที่​ป่วย​นั้น​ตอบ​ว่า “คุณ​ครับ ไม่​มี​ใคร​ช่วย​พา​ผม​ลง​ไป​ใน​สระ​เลย​ตอน​ที่​น้ำ​กระเพื่อม พอ​ผม​จะ​ลง​ไป คน​อื่น​ก็​แย่ง​ลง​ไป​ก่อน” พระ​เยซู​บอก​เขา​ว่า “ลุก​ขึ้น เก็บ​เสื่อ*ขึ้น​มา แล้ว​เดิน​ไป​เถอะ”  ผู้​ชาย​คน​นั้น​ก็​หาย​ป่วย​ทันที แล้ว​เขา​ก็​เก็บ​เสื่อ*ของ​เขา​และ​เดิน​ไป » (ยอห์น 5:1-9)

พระเยซูคริสต์ทรงรักษาโรคลมบ้าหมู: “เมื่อ​พระ​เยซู​กับ​สาวก​ทั้ง​สาม​เดิน​มา​ตรง​ที่​ฝูง​ชน​อยู่ ผู้​ชาย​คน​หนึ่ง​ก็​เข้า​มา​หา​ท่าน​และ​คุกเข่า​ลง​อ้อน​วอน​ว่า “นาย​ท่าน ขอ​เมตตา​ลูก​ชาย​ผม​ด้วย เขา​ป่วย​เป็น​โรค​ลม​ชัก เขา​ชัก​จน​ตก​ลง​ไป​ใน​น้ำ​และ​ใน​กอง​ไฟ​บ่อย ๆ  ผม​พา​เขา​มา​หา​สาวก​ของ​ท่าน​แล้ว แต่​พวก​เขา​รักษา​ไม่​ได้”  พระ​เยซู​พูด​ว่า “คน​สมัย​นี้​ขาด​ความ​เชื่อ​และ​ไม่​มี​ศีลธรรม ผม​จะ​ต้อง​อยู่​กับ​พวก​คุณ​อีก​นาน​แค่​ไหน? จะ​ต้อง​ทน​กับ​พวก​คุณ​ไป​อีก​นาน​เท่าไหร่? ไหน พา​เด็ก​มา​ที่​นี่​สิ”  แล้ว​พระ​เยซู​สั่ง​ให้​ปีศาจ​ออก​จาก​เด็ก และ​มัน​ก็​ออก​ไป ใน​ตอน​นั้น​เอง เด็ก​ผู้​ชาย​คน​นั้น​ก็​หาย​โรค  หลัง​จาก​นั้น พวก​สาวก​เข้า​มา​คุย​กับ​พระ​เยซู​เป็น​ส่วน​ตัว​และ​ถาม​ว่า “ทำไม​พวก​ผม​ขับ​ไล่​ปีศาจ​ตน​นั้น​ไม่​ได้​ล่ะ​ครับ?”  ท่าน​ตอบ​พวก​เขา​ว่า “ก็​เพราะ​พวก​คุณ​มี​ความ​เชื่อ​น้อย ผม​จะ​บอก​ให้​รู้​ว่า ถ้า​คุณ​มี​ความ​เชื่อ​ขนาด​เท่า​เมล็ด​มัสตาร์ด และ​สั่ง​ภูเขา​ลูก​นี้​ว่า ‘ย้าย​จาก​ที่​นี่​ไป​ที่​นั่น’ มัน​ก็​จะ​ไป จะ​ไม่​มี​อะไร​ที่​คุณ​ทำ​ไม่​ได้​เลย”” (มัทธิว 17:14-20)

พระเยซูคริสต์ทรงทำการอัศจรรย์โดยไม่รู้ตัว: « ตอน​ที่​พระ​เยซู​กำลัง​ไป​ที่​นั่น ฝูง​ชน​เบียด​เสียด​ท่าน ตอน​นั้น มี​ผู้​หญิง​คน​หนึ่ง​ที่​มี​อาการ​ตก​เลือด มา 12 ปี​แล้ว และ​ไม่​มี​ใคร​รักษา​เธอ​ได้  เธอ​แอบ​เข้า​มา​ข้าง​หลัง​แล้ว​แตะ​ชาย​เสื้อ​ชั้น​นอก​ของ​พระ​เยซู ทันใด​นั้น​เลือด​ก็​หยุด​ไหล  พระ​เยซู​ถาม​ว่า “ใคร​มา​ถูก​ตัว​ผม?” เมื่อ​ทุก​คน​ปฏิเสธ เปโตร​จึง​บอก​ว่า “อาจารย์ มี​คน​มาก​มาย​เบียด​เสียด​ท่าน​อยู่​ไม่​ใช่​หรือ​ครับ?”  แต่​พระ​เยซู​พูด​ว่า “มี​คน​ถูก​ตัว​ผม​แน่ ๆ เพราะ​ผม​รู้สึก​ได้​ว่า​พลัง ออก​จาก​ตัว”  พอ​ผู้​หญิง​คน​นั้น​เห็น​ว่า​หลบ​ไม่​พ้น​แน่ ก็​กลัว​จน​ตัว​สั่น​และ​หมอบ​ลง​ต่อ​หน้า​ท่าน แล้ว​เธอ​ก็​บอก​ทุก​คน​ให้​รู้​ว่า​ทำไม​เธอ​ถึง​ได้​ถูก​ตัว​พระ​เยซู​และ​เธอ​หาย​โรค​ทันที​ได้​อย่าง​ไร  พระ​เยซู​ก็​พูด​กับ​เธอ​ว่า “ความ​เชื่อ​ของ​ลูก​ทำ​ให้​ลูก​หาย​โรค​แล้ว ขอ​ให้​สบาย​ใจ​เถอะ” » (ลูกา 8:42-48)

พระเยซูคริสต์ทรงรักษาจากระยะไกล: « มื่อ​พระ​เยซู​สอน​ประชาชน​เสร็จ​แล้ว ก็​เข้า​ไป​ใน​เมือง​คาเปอร์นาอุม ที่​นั่น​มี​นาย​ร้อย​คน​หนึ่ง​ที่​ทาส​ของ​เขา​ป่วย​หนัก​ใกล้​ตาย และ​เขา​รัก​ทาส​คน​นี้​มาก เมื่อ​นาย​ร้อย​ได้​ยิน​เรื่อง​พระ​เยซู เขา​ก็​ส่ง​ผู้​นำ​ชุมชน​ชาว​ยิว​บาง​คน​ไป​ขอ​ให้​พระ​เยซู​มา​ช่วย​รักษา​ทาส​ของ​เขา พวก​เขา​มา​หา​พระ​เยซู​และ​อ้อน​วอน​ว่า “นาย​ท่าน ขอ​ไป​ช่วย​เขา​หน่อย​เถอะ​ครับ เพราะ​เขา​รัก​คน​ใน​ชาติ​เรา​และ​สร้าง​ที่​ประชุม​ให้​พวก​เรา​ด้วย” พระ​เยซู​จึง​ไป​กับ​พวก​เขา แต่​เมื่อ​เดิน​ทาง​เกือบ​จะ​ถึง​บ้าน​ของ​นาย​ร้อย เขา​ก็​ส่ง​เพื่อน ๆ มา​บอก​พระ​เยซู​ว่า “ท่าน​ครับ อย่า​ลำบาก​เลย ผม​ไม่​ดี​พอ​ที่​จะ​ให้​ท่าน​เข้า​มา​ใน​บ้าน​ผม​หรอก  และ​ผม​ก็​คิด​ว่า​ตัว​เอง​ไม่​ดี​พอ​ที่​จะ​ไป​หา​ท่าน​ด้วย ขอ​ให้​ท่าน​สั่ง​มา​ก็​พอ แล้ว​คน​ใช้​ของ​ผม​ก็​จะหาย  อย่าง​ผม​เอง​ก็​มี​เจ้านาย​ที่​สั่ง​ผม​และ​มี​ลูก​น้อง​ที่​ผม​สั่ง​ได้​ด้วย ถ้า​ผม​สั่ง​คน​หนึ่ง​ว่า ‘ไป’ เขา​ก็​ไป หรือ​สั่ง​อีก​คน​หนึ่ง​ว่า ‘มา’ เขา​ก็​มา หรือ​สั่ง​ทาส​ของ​ผม​ให้​ไป​ทำ​นั่น​ทำ​นี่ เขา​ก็​ทำ​ตาม”  เมื่อ​ได้​ยิน​อย่าง​นั้น พระ​เยซู​ก็​แปลก​ใจ​มาก และ​หัน​ไป​พูด​กับ​ผู้​คน​ที่​ตาม​ท่าน​มา​ว่า “ผม​จะ​บอก​ให้​รู้​ว่า ผม​ไม่​เคย​เจอ​ใคร​ที่​มี​ความ​เชื่อ​มาก​ขนาด​นี้​เลย แม้​แต่​คน​อิสราเอล​เอง​ก็​เถอะ” เมื่อ​พวก​เพื่อน ๆ ที่​ถูก​ส่ง​มา​กลับ​ไป​ถึง​บ้าน​นาย​ร้อย ก็​เห็น​ว่า​ทาส​คน​นั้น​หาย​ดี​แล้ว » (ลูกา 7:1-10)

พระเยซูคริสต์ทรงรักษาผู้หญิงที่มีความทุพพลภาพเป็นเวลา 18 ปี: « ตอน​ที่​พระ​เยซู​สอน​อยู่​ใน​ที่​ประชุม​ของ​ชาว​ยิว​ใน​วัน​สะบาโต  มี​ผู้​หญิง​คน​หนึ่ง​ถูก​ปีศาจ​สิง​ทำ​ให้​ป่วย​และ​หลัง​ค่อม​มา 18 ปี​แล้ว เธอ​ยืด​ตัว​ตรง​ไม่​ได้​เลย  เมื่อ​พระ​เยซู​เห็น​เข้า ก็​พูด​กับ​เธอ​ว่า “คุณ​หาย​ป่วย​แล้ว”  ท่าน​วาง​มือ​บน​ผู้​หญิง​คน​นั้น เธอ​ก็​ยืด​ตัว​ตรง​ได้​ทันที​แล้ว​สรรเสริญ​พระเจ้า  แต่​หัวหน้า​ที่​ประชุม​แห่ง​นั้น​ไม่​พอ​ใจ เพราะ​พระ​เยซู​รักษา​โรค​ใน​วัน​สะบาโต เขา​จึง​บอก​กับ​ประชาชน​ที่​นั่น​ว่า “มี​ตั้ง 6 วัน​ที่​จะ​ทำ​งาน​ได้ มา​รักษา​ใน 6 วัน​นั้น​เถอะ+ อย่า​มา​รักษา​ใน​วัน​สะบาโต​เลย”  พระ​เยซู​บอก​เขา​ว่า “พวก​สอง​มาตรฐาน+ พวก​คุณ​แต่​ละ​คน​แก้​เชือก​ให้​วัว​หรือ​ลา​ของ​ตัว​เอง แล้ว​จูง​มัน​ไป​กิน​น้ำ​ใน​วัน​สะบาโต​ไม่​ใช่​หรือ?  แล้ว​ผู้​หญิง​คน​นี้​ที่​เป็น​ลูก​หลาน​ของ​อับราฮัม และ​ถูก​ซาตาน​มัด​ไว้​ถึง 18 ปี ไม่​ควร​หรือ​ที่​จะ​ปลด​ปล่อย​เธอ​ใน​วัน​สะบาโต?”  คำ​พูด​ของ​พระ​เยซู​ทำ​ให้​คน​ที่​ต่อ​ต้าน​รู้สึก​อับอาย​ขายหน้า แต่​ประชาชน​กลับ​ชื่นชม​ใน​สิ่ง​ดี ๆ ที่​ท่าน​ทำ » (ลูกา 13:10-17)

พระเยซูคริสต์ทรงรักษาลูกสาวของหญิงชาวฟินีเซียน: « พระ​เยซู​ออก​จาก​ที่​นั่น แล้ว​ก็​เดิน​ทาง​ไป​บริเวณ​เมือง​ไทระ​และ​เมือง​ไซดอน  มี​ผู้​หญิง​ชาว​ฟีนิเซีย*คน​หนึ่ง​จาก​แถบ​นั้น​มา​หา​พระ​เยซู​และ​ร้อง​อ้อน​วอน​ว่า “ท่าน​ผู้​เป็น​ลูก​หลาน​ดาวิด ขอ​เมตตา​ดิฉัน​ด้วย ลูก​สาว​ของ​ดิฉัน​ถูก​ปีศาจ​สิง เธอ​เจ็บ​ปวด​ทรมาน​มาก”  แต่​พระ​เยซู​ไม่​ตอบ​เธอ​เลย​สัก​คำ พวก​สาวก​เข้า​มา​บอก​ท่าน​ว่า “ไล่​เธอ​ไป​เถอะ เพราะ​เธอ​ตะโกน​ตาม​ตื๊อ​เรา​ไม่​หยุด”  พระ​เยซู​บอก​ว่า “พระเจ้า​ส่ง​ผม​มา​หา​เฉพาะ​คน​อิสราเอล​เท่า​นั้น พวก​เขา​เป็น​เหมือน​แกะ​ที่​หลง​หาย”  แต่​ผู้​หญิง​คน​นั้น​เข้า​มา​คำนับ​ท่าน*และ​บอก​ว่า “นาย​ท่าน ช่วย​ดิฉัน​ด้วย​เถอะ”  พระ​เยซู​พูด​ว่า “มัน​ไม่​ถูก​หรอก​นะ​ที่​จะ​เอา​อาหาร​ของ​ลูก ๆ ไป​โยน​ให้​ลูก​หมา”  เธอ​บอก​ว่า “จริง​ค่ะ​ท่าน แต่​ลูก​หมา​ก็​ยัง​ได้​กิน​เศษ​อาหาร​ที่​ตก​จาก​โต๊ะ​ของ​นาย​มัน​ไม่​ใช่​หรือ​คะ?”  พระ​เยซู​จึง​ตอบ​ผู้​หญิง​คน​นั้น​ว่า “คุณ​นี่​มี​ความ​เชื่อ​มาก​จริง ๆ ให้​เป็น​ไป​ตาม​ที่​คุณ​ขอ​เถอะ” แล้ว​ตอน​นั้น​เอง ลูก​สาว​ของ​เธอ​ก็​หาย​เป็น​ปกติ » (มัทธิว 15:21-28)

พระเยซูคริสต์ทรงหยุดพายุ: “ครั้ง​หนึ่ง พระ​เยซู​ลง​เรือ​ไป​กับ​พวก​สาวก  แล้ว​เกิด​พายุ​ใหญ่​ใน​ทะเลสาบ คลื่น​ซัด​จน​น้ำ​ท่วม​เรือ แต่​พระ​เยซู​ก็​ยัง​นอน​หลับ​อยู่ พวก​สาวก​จึง​มา​ปลุก​ท่าน​และ​บอก​ว่า “นาย​ครับ ช่วย​ชีวิต​พวก​เรา​ด้วย พวก​เรา​กำลัง​จะ​ตาย​กัน​อยู่​แล้ว” แต่​ท่าน​บอก​พวก​เขา​ว่า “ทำไม​ต้อง​กลัว พวก​คุณ​มี​ความ​เชื่อ​น้อย​จริง ๆ” แล้ว​ท่าน​ก็​ลุก​ขึ้น​สั่ง​คลื่น​ลม​ให้​สงบ และ​ทุก​อย่าง​ก็​สงบ​นิ่ง  พวก​เขา​จึง​แปลก​ใจ​มาก​และ​พูด​กัน​ว่า “ท่าน​เป็น​ใคร​กัน? แม้​แต่​ลม​และ​ทะเล​ก็​ยัง​เชื่อ​ฟัง​ท่าน​เลย”” (มัทธิว 8:23-27)

พระเยซูคริสต์ทรงดำเนินบนทะเล: « เมื่อ​ผู้​คน​ไป​กัน​หมด​แล้ว พระ​เยซู​ขึ้น​ไป​อธิษฐาน​บน​ภูเขา​คน​เดียว พอ​ถึง​ตอน​ค่ำ ท่าน​ก็​ยัง​อยู่​ที่​นั่น​ตาม​ลำพัง  ตอน​นั้น เรือ​ของ​สาวก​ออก​ไป​ไกล​จาก​ฝั่ง​หลาย​ร้อย​เมตร​แล้ว และ​แล่น​ฝ่า​คลื่น​ทวน​ลม​อยู่  ใน​ยาม 4 ของ​คืน​นั้น พระ​เยซู​เดิน​บน​น้ำ​มา​หา​พวก​เขา  เมื่อ​พวก​สาวก​เห็น​คน​เดิน​บน​น้ำ ก็​ตกใจ​กลัว​และ​พูด​กัน​ว่า “นั่น​อะไร​น่ะ!” แล้ว​พวก​เขา​ก็​ร้อง​เสียง​หลง​ด้วย​ความ​หวาด​กลัว  แต่​พระ​เยซู​รีบ​บอก​พวก​เขา​ว่า “ไม่​ต้อง​ตกใจ นี่​ผม​เอง ไม่​ต้อง​กลัว”  เปโตร​พูด​กับ​ท่าน​ว่า “อาจารย์ ถ้า​เป็น​ท่าน​จริง ๆ ขอ​ให้​ผม​เดิน​บน​น้ำ​ไป​หา​ท่าน​ได้​ไหม​ครับ?”  พระ​เยซู​พูด​ว่า “มา​สิ” เปโตร​ก็​ลง​จาก​เรือ​แล้ว​เดิน​บน​น้ำ​ไป​หา​ท่าน  แต่​เมื่อ​มอง​ที่​พายุ เขา​ก็​กลัว​และ​เริ่ม​จะ​จม เขา​ร้อง​ตะโกน​ว่า “อาจารย์ ช่วย​ผม​ด้วย!”  พระเยซู​รีบ​ยื่น​มือ​จับ​เปโตร​ไว้​และ​พูด​ว่า “คน​มี​ความ​เชื่อ​น้อย ทำไม​ต้อง​สงสัย​ด้วย?”  และ​เมื่อ​พระ​เยซู​กับ​เปโตร​ขึ้น​มา​อยู่​บน​เรือ​แล้ว พายุ​ก็​สงบ​ลง  สาวก​ที่​อยู่​ใน​เรือ​จึง​หมอบ​ลง​แสดง​ความ​เคารพ และ​พูด​ว่า “อาจารย์ ท่าน​เป็น​ลูก​ของ​พระเจ้า​จริง ๆ” » (มัทธิว 14:23-33)

การประมงปาฏิหาริย์: « วัน​หนึ่ง เมื่อ​พระ​เยซู​ยืน​อยู่​ริม​ทะเลสาบ​เยนเนซาเรท มี​คน​มาก​มาย​เบียด​เสียด​ท่าน​เพื่อ​ฟัง​คำ​สอน​ของ​พระเจ้า  พอ​ท่าน​เห็น​เรือ 2 ลำ​จอด​อยู่​ริม​ทะเลสาบ​และ​ชาว​ประมง​ขึ้น​จาก​เรือ​เพื่อ​ซัก​อวน  ท่าน​ก็​ลง​เรือ​ลำ​หนึ่ง​ที่​เป็น​ของ​ซีโมน และ​ขอ​ให้​เขา​เอา​เรือ​ออก​จาก​ฝั่ง​เล็ก​น้อย ท่าน​นั่ง​ลง​และ​เริ่ม​สอน​ประชาชน​จาก​บน​เรือ  พอ​สอน​เสร็จ พระ​เยซู​ก็​บอก​ซีโมน​ว่า “เอา​เรือ​ออก​ไป​ตรง​ที่​น้ำ​ลึก​หน่อย แล้ว​หย่อน​อวน​ลง​จับ​ปลา”  แต่​ซีโมน​บอก​ว่า “อาจารย์​ครับ พวก​เรา​เหนื่อย​มา​ทั้ง​คืน​แต่​ไม่​ได้​ปลา​เลย แต่​ผม​จะ​ลอง​หย่อน​อวน​อีก​ที​ตาม​ที่​ท่าน​บอก​ก็​ได้”  พอ​พวก​เขา​หย่อน​อวน​ลง ก็​จับ​ปลา​ได้​มาก​มาย​จน​อวน​เริ่ม​จะ​ขาด  พวก​เขา​จึง​โบก​มือ​เรียก​เพื่อน ๆ ใน​เรือ​อีก​ลำ​ให้​มา​ช่วย แล้ว​พวก​เขา​ก็​ได้​ปลา​เต็ม​เรือ​ทั้ง​สอง​ลำ​จน​เรือ​แทบ​จะ​จม  เมื่อ​ซีโมน​เปโตร​เห็น​อย่าง​นี้​ก็​ทรุด​ลง​กราบ​ที่เข่า​ของ​พระ​เยซู​และ​พูด​ว่า “นาย​ครับ อย่า​อยู่​ใกล้​ผม​เลย ผม​เป็น​คน​บาป”  ที่​พูด​อย่าง​นั้น​เพราะ​ตัว​เขา​กับ​เพื่อน ๆ ตกตะลึง​ที่​จับ​ปลา​ได้​มาก​ขนาด​นั้น  ยากอบ​กับ​ยอห์น ลูก​ของ​เศเบดี ที่​เป็น​หุ้น​ส่วน​กับ​ซีโมน​ก็​ตกตะลึง​เหมือน​กัน แต่​พระ​เยซู​บอก​ซีโมน​ว่า “ไม่​ต้อง​กลัว ต่อ​ไป​นี้​คุณ​จะ​ไป​หา​คน​แทน​ที่​จะ​หา​ปลา”  พอ​เอา​เรือ​กลับ​เข้า​ฝั่ง​แล้ว พวก​เขา​ก็​ทิ้ง​ทุก​อย่าง​และ​ตาม​ท่าน​ไป » (ลูกา 5:1-11)

พระเยซูคริสต์ทวีขนมปัง: « หลัง​จาก​นั้น พระ​เยซู​นั่ง​เรือ​ข้าม​ทะเลสาบ​กาลิลี​หรือ​ที่​เรียก​กัน​ว่า​ทิเบเรียส มี​คน​มาก​มาย​ตาม​ท่าน​ไป เพราะ​พวก​เขา​เห็น​ท่าน​รักษา​คน​ป่วย​อย่าง​อัศจรรย์  พระ​เยซู​ขึ้น​ไป​บน​ภูเขา​และ​นั่ง​ลง​กับ​พวก​สาวก 4  ตอน​นั้น​ใกล้​จะ​ถึง​เทศกาล​ปัสกา ของ​ชาว​ยิว​แล้ว  เมื่อ​พระ​เยซู​เงย​หน้า​และ​เห็น​คน​มาก​มาย​มา​หา ท่าน​จึง​ถาม​ฟีลิป​ว่า “พวก​เรา​จะ​หา​ซื้อ​ขนมปัง​จาก​ที่​ไหน​ดี​ถึง​จะ​พอ​เลี้ยง​คน​ทั้ง​หมด​นี้​ได้?”  ที่​พระ​เยซู​พูด​อย่าง​นั้น​ก็​เพื่อ​ทดสอบ​เขา เพราะ​ท่าน​รู้​อยู่​แล้ว​ว่า​จะ​ทำ​อย่าง​ไร  ฟีลิป​ตอบ​ท่าน​ว่า “ต่อ​ให้​มี​เงิน 200 เดนาริอัน*ก็​ยัง​ไม่​พอ​ซื้อ​ขนมปัง​ให้​พวก​เขา​กิน​กัน​คน​ละ​นิด​ละ​หน่อย​เลย”  สาวก​อีก​คน​หนึ่ง​ชื่อ​อันดรูว์​ที่​เป็น​พี่​น้อง​กับ​ซีโมน​เปโตร​บอก​พระ​เยซู​ว่า  “เด็ก​คน​นี้​มี​ขนมปัง​บาร์เลย์ 5 อัน​กับ​ปลา​เล็ก ๆ 2 ตัว แต่​แค่​นี้​คง​ไม่​พอ​เลี้ยง​คน​มาก​ขนาด​นี้​หรอก” พระ​เยซู​จึง​สั่ง​พวก​สาวก​ว่า “บอก​ให้​พวก​เขา​นั่ง​ลง” ทุก​คน​ก็​นั่ง​ลง​เพราะ​ที่​นั่น​เป็น​พื้น​หญ้า คน​ที่​อยู่​ที่​นั่น​มี​ผู้​ชาย​ประมาณ 5,000 คน  พระ​เยซู​หยิบ​ขนมปัง​มา อธิษฐาน​ขอบคุณ​พระเจ้า แล้ว​แจก​จ่าย​ให้​ทุก​คน​ที่​นั่ง​อยู่ และ​ท่าน​ก็​แจก​จ่าย​ปลา​ด้วย ทุก​คน​ได้​กิน​จน​อิ่ม  เมื่อ​พวก​เขา​กิน​อิ่ม​แล้ว ท่าน​สั่ง​พวก​สาวก​ว่า “เก็บ​เศษ​อาหาร​ที่​เหลือ​ไว้ จะ​ได้​ไม่​เสีย​ของ”  พวก​สาวก​ก็​เก็บ​เศษ​ที่​เหลือ​จาก​ขนมปัง​บาร์เลย์ 5 อัน​นั้น​ได้ 12 ตะกร้า​เต็ม ๆเมื่อ​ประชาชน​เห็น​การ​อัศจรรย์​ที่​พระ​เยซู​ทำ พวก​เขา​ก็​พูด​กัน​ว่า “ท่าน​นี้​เป็น​ผู้​พยากรณ์​คน​นั้น​ที่​จะ​มา​ใน​โลก​แน่ ๆ”  พอ​พระ​เยซู​รู้​ว่า​พวก​เขา​พยายาม​จะ​ตั้ง​ท่าน​ให้​เป็น​กษัตริย์ ท่าน​ก็​ปลีก​ตัว​ไป อยู่​ที่​ภูเขา​คน​เดียว » (ยอห์น 6:1-15) จะมีอาหารมากมายทั่วโลก (สดุดี 72:16; อิสยาห์ 30:23)

ปาฏิหาริย์นี้แสดงให้เห็นว่าในโลกใหม่จะไม่มีพายุหรืออุทกภัยที่จะก่อให้เกิดภัยพิบัติอีกต่อไป พระเยซูคริสต์ คืนชีพ บุตรชายของหญิงม่าย: « จาก​นั้น​ไม่​นาน พระ​เยซู​เดิน​ทาง​ไป​ที่​เมือง​นาอิน พวก​สาวก​กับ​คน​กลุ่ม​ใหญ่​ก็​ตาม​ไป​ด้วย เมื่อ​ใกล้​จะ​ถึง​ประตู​เมือง มี​คน​หาม​ศพ​ผู้​ชาย​คน​หนึ่ง​สวน​ทาง​ออก​มา คน​ตาย​นั้น​เป็น​ลูก​ชาย​คน​เดียว​ของ​แม่​ม่าย มี​คน​มาก​มาย​จาก​เมือง​นั้น​มา​กับ​เธอ​ด้วย เมื่อ​พระ​เยซู​เห็น​แม่​ม่าย​คน​นั้น​ก็​สงสาร จึง​พูด​กับ​เธอ​ว่า “อย่า​ร้องไห้​เลย” แล้ว​ท่าน​เข้า​ไป​ใกล้​และ​แตะ​แคร่​นั้น คน​ที่​หาม​แคร่​ก็​หยุด และ​ท่าน​พูด​ว่า “หนุ่ม​น้อย ผม​ขอ​บอก​ให้​คุณ​ลุก​ขึ้น”  คน​ตาย​นั้น​ก็​ลุก​ขึ้น​นั่ง​แล้ว​เริ่ม​พูด พระ​เยซู​จึง​มอบ​เขา​ให้​แม่ ทุก​คน​ก็​กลัว แล้ว​พา​กัน​สรรเสริญ​พระเจ้า​ว่า “มี​ผู้​พยากรณ์​ที่​ยิ่ง​ใหญ่​มา​อยู่​ใน​หมู่​พวก​เรา​แล้ว” และ​พูด​ว่า “พระเจ้า​หัน​มา​สนใจ​ประชาชน​ของ​พระองค์​แล้ว” ชื่อเสียง​ของ​พระ​เยซู​ก็​เลื่อง​ลือ​ไป​ทั่ว​แคว้น​ยูเดีย​และ​ทั่ว​แถบ​นั้น” (ลูกา 7:11-17)

พระเยซูคริสต์ฟื้นคืนชีพลูกสาวของไยรัส: « พระ​เยซู​พูด​ยัง​ไม่​ทัน​ขาด​คำ ก็​มี​คน​จาก​บ้าน​ของ​ไยรอส​มา​บอก​เขา​ว่า “ลูก​สาว​คุณ​ตาย​แล้ว คง​ไม่​ต้อง​รบกวน​อาจารย์​แล้ว​ล่ะ” เมื่อ​พระ​เยซู​ได้​ยิน​อย่าง​นั้น จึง​บอก​ไยรอส​ว่า “ไม่​ต้อง​กลัว ขอ​ให้​เชื่อ​เถอะ ลูก​สาว​คุณ​จะ​ไม่​เป็น​อะไร” เมื่อ​ไป​ถึง​บ้าน​ของ​เขา พระ​เยซู​ไม่​ให้​ใคร​ตาม​เข้า​ไป​ด้วย​นอก​จาก​เปโตร ยอห์น ยากอบ และ​พ่อ​แม่​ของ​เด็ก ตอน​นั้น ผู้​คน​พา​กัน​ร้องไห้​คร่ำ​ครวญ​ที่​เด็ก​ตาย พระ​เยซู​จึง​พูด​ว่า “หยุด​ร้องไห้​เถอะ เด็ก​คน​นี้​ไม่​ได้​ตาย แต่​นอน​หลับ​อยู่”  พวก​เขา​ก็​หัวเราะ​เยาะ​เพราะ​รู้​ว่า​เด็ก​ตาย​แล้ว​จริง ๆ พระ​เยซู​จับ​มือ​เด็ก​และ​พูด​ว่า “หนู​น้อย ลุก​ขึ้น​มา​เถอะ” เด็ก​คน​นั้น​ก็​กลับ​มี​ชีวิต​อีก และ​ลุก​ขึ้น​มา​ทันที แล้ว​พระ​เยซู​ก็​บอก​ให้​พวก​เขา​เอา​อาหาร​มา​ให้​เธอ​กิน พ่อ​แม่​ของ​เด็ก​ดีใจ​มาก แต่​พระ​เยซู​สั่ง​พวก​เขา​ไม่​ให้​เล่า​เรื่อง​นี้​ให้​ใคร​ฟัง » (ลูกา 8:49-56)

พระเยซูคริสต์ฟื้นคืนชีพเพื่อนลาซารัสผู้ซึ่งเสียชีวิตไปเมื่อสี่วันก่อน: « พระ​เยซู​ยัง​ไม่​ได้​เข้า​หมู่​บ้าน ท่าน​ยัง​อยู่​ตรง​ที่​ที่​มาร์ธา​ไป​หา  เมื่อ​คน​ยิว​ที่​ปลอบ​ใจ​มารีย์​อยู่​ใน​บ้าน​เห็น​เธอ​รีบ​ออก​ไป พวก​เขา​ก็​ตาม​ไป​ด้วย เพราะ​คิด​ว่า​เธอ​จะ​ไป​ร้องไห้​ที่​อุโมงค์​ฝัง​ศพ เมื่อ​มารีย์​ได้​พบ​พระ​เยซู เธอ​ก็​หมอบ​ลง​แทบ​เท้า​ท่าน​แล้ว​พูด​ว่า “นาย​คะ ถ้า​ท่าน​อยู่​ที่​นี่ เขา​คง​ไม่​ตาย” เมื่อ​พระ​เยซู​เห็น​เธอ​ร้องไห้ และ​พวก​ยิว​ที่​มา​กับ​เธอ​ก็​ร้องไห้​ด้วย ท่าน​ก็​เศร้า​และ​สะเทือน​ใจ ท่าน​ถาม​ว่า “พวก​คุณ​ฝัง​ศพ​เขา​ไว้​ที่​ไหน?” พวก​เขา​ตอบ​ว่า “ตาม​มา​ดู​สิ นาย​ท่าน” แล้ว​พระ​เยซู​ก็​ร้องไห้​น้ำตา​ไหล พวก​ยิว​เห็น​อย่าง​นั้น​ก็​พูด​กัน​ว่า “ดู​สิ เขา​รัก​ลาซารัส​มาก​จริง ๆ” แต่​มี​บาง​คน​พูด​ว่า “ผู้​ชาย​คน​นี้​เคย​ทำ​ให้​คน​ตา​บอด​มอง​เห็น​ได้ แล้ว​เขา​ทำ​ให้​คน​นี้​รอด​ตาย​ไม่​ได้​หรือ?”

เมื่อ​ใกล้​ถึง​อุโมงค์​ฝัง​ศพ พระ​เยซู​ก็​รู้สึก​สะเทือน​ใจ​ขึ้น​มา​อีก อุโมงค์​นั้น​เป็น​ถ้ำ​และ​มี​หิน​ปิด​ปาก​ถ้ำ​ไว้ พระ​เยซู​สั่ง​ว่า “เลื่อน​หิน​ออก​ไป​สิ” มาร์ธา​ซึ่ง​เป็น​พี่​น้อง​กับ​ผู้​ตาย​บอก​ท่าน​ว่า “นาย​คะ ป่าน​นี้​ศพ​คง​เหม็น​แย่​แล้ว เพราะ​ตาย​มา​ตั้ง 4 วัน​แล้ว” พระ​เยซู​บอก​เธอ​ว่า “ผม​เคย​บอก​คุณ​แล้ว​ไม่​ใช่​หรือ​ว่า ถ้า​คุณ​เชื่อ คุณ​จะ​ได้​เห็น​ฤทธิ์​อำนาจ​ของ​พระเจ้า?” พวก​เขา​จึง​เลื่อน​หิน​ที่​ปิด​ปาก​ถ้ำ​ออก แล้ว​พระ​เยซู​ก็​แหงน​หน้า​มอง​ท้องฟ้า และ​พูด​ว่า “พ่อ​ครับ ผม​ขอบคุณ​ที่​พระองค์​ฟัง​คำ​ขอร้อง​ของ​ผม ผม​รู้​อยู่​แล้ว​ว่า​พระองค์​ฟัง​ผม​เสมอ แต่​ที่​ผม​ขอ​คราว​นี้​ก็​เพื่อ​คน​ที่​ยืน​อยู่​รอบ ๆ พวก​เขา​จะ​ได้​เชื่อ​ว่า​พระองค์​ใช้​ผม​มา”  เมื่อ​พูด​จบ​แล้ว ท่าน​ก็​ร้อง​เรียก​เสียง​ดัง​ว่า “ลาซารัส ออก​มา” ลาซารัส​ที่​ตาย​ไป​แล้ว​ก็​เดิน​ออก​มา​ทั้ง ๆ ที่​ยัง​มี​ผ้า​พัน​มือ​และ​เท้า​อยู่ และ​ที่​หน้า​ก็​มี​ผ้า​พัน​ไว้​ด้วย พระ​เยซู​สั่ง​พวก​เขา​ว่า “เอา​ผ้า​พวก​นั้น​ออก​ให้​เขา​หน่อย เขา​จะ​ได้​เดิน​สะดวก”” (จอห์น 11:30-44)

การประมงปาฏิหาริย์ล่าสุด (ไม่นานหลังจากการฟื้นคืนพระชนม์ของพระคริสต์): « ตอน​เช้า​ตรู่ พระ​เยซู​ยืน​อยู่​บน​ฝั่ง แต่​พวก​สาวก​ไม่​รู้​ว่า​เป็น​พระ​เยซู  แล้ว​พระ​เยซู​ตะโกน​ถาม​พวก​เขา​ว่า “ลูก ๆ มี​อะไร​กิน​บ้าง​ไหม?” พวก​เขา​ตอบ​ว่า “ไม่​มี​เลย” พระ​เยซู​พูด​ว่า “หย่อน​อวน​ลง​ทาง​ขวา​ของ​เรือ​สิ แล้ว​จะ​ได้​ปลา” พวก​เขา​ก็​หย่อน​อวน​ลง แล้ว​ได้​ปลา​มาก​มาย​จน​ดึง​ขึ้น​มา​บน​เรือ​ไม่​ไหว  สาวก​คน​ที่​พระ​เยซู​รัก จึง​พูด​กับ​เปโตร​ว่า “นั่น​นาย​ของ​เรา​นี่” พอ​ซีโมน​เปโตร​ได้​ยิน​ว่า​คน​นั้น​คือ​ผู้​เป็น​นาย ก็​หยิบ​เสื้อ​มา​ใส่​แล้ว​กระโดด​ลง​น้ำ​เพราะ​ตอน​นั้น​เขา​ถอด​เสื้อ​อยู่  แต่​สาวก​คน​อื่น ๆ เอา​เรือ​เล็ก​ลำ​นั้น​ลาก​อวน​ที่​มี​ปลา​อยู่​เต็ม​เข้า​ฝั่ง พวก​เขา​อยู่​ไม่​ห่าง​ฝั่ง แค่​ประมาณ 90 เมตร » (ยอห์น 21:4-8)

พระเยซูคริสต์ทรงทำปาฏิหาริย์อื่น ๆ อีกมากมาย พวกเขาเสริมสร้างศรัทธาของเราหนุนใจเราและมองเห็นพรมากมายที่จะเกิดขึ้นบนโลก ถ้อยคำที่เป็นลายลักษณ์อักษรของอัครสาวกจอห์นสรุปปาฏิหาริย์จำนวนมหาศาลที่พระเยซูคริสต์ทำเพื่อรับประกันว่าจะเกิดอะไรขึ้นบนโลก: « ที่​จริง พระ​เยซู​ยัง​ทำ​อะไร​อีก​มาก​มาย ถ้า​จะ​เขียน​ไว้​ทั้ง​หมด​ละ​ก็ ผม​คิด​ว่า​โลก​นี้​คง​ไม่​มี​ที่​พอ​จะ​เก็บ​ม้วน​หนังสือ​ทั้ง​หมด​นั้น​ได้ » (จอห์น 21:25)

***

บทความศึกษาพระคัมภีร์อื่นๆ:

พระวจนะของพระองค์เป็นโคมส่องเท้าของข้าพเจ้าและเป็นความสว่างส่องทางของข้าพเจ้า(สดุดี 119:105) 

การเฉลิมฉลองการรำลึกถึงการสิ้นพระชนม์ของพระเยซูคริสต์

คำสัญญาของพระเจ้า

ทำไมพระเจ้าจึงปล่อยให้เกิดความทุกข์และความชั่วร้าย?

ความหวังแห่งชีวิตนิรันดร์

การสอนพื้นฐานของพระคัมภีร์

ก่อนเกิดภัยพิบัติครั้งใหญ่จะต้องทำอย่างไร?

Other Asiatic Languages:

Chinese: 六个圣经学习主题

Japanese: 聖書研究の6つのテーマ

Khmer (Cambodian): ប្រធានបទសិក្សាព្រះគម្ពីរចំនួនប្រាំមួយ

Korean: 6개의 성경 공부 기사

Laotian: ຫົກຫົວຂໍ້ການສຶກສາຄໍາພີ

Myanmar (Burmese): ကျမ်းစာလေ့လာမှုခေါင်းစဉ်ခြောက်ခု

Vietnamese: Sáu Chủ Đề Nghiên Cứu Kinh Thánh

Tagalog (Filipino): Anim na Paksa sa Pag-aaral ng Bibliya

Indonesian: Enam Topik Studi Alkitab

Javanese: Enem Topik Sinau Alkitab

Malaysian: Enam Topik Pembelajaran Bible

Bible Articles Language Menu

สารบัญฉบับย่อในกว่าเจ็ดสิบภาษา แต่ละบทความประกอบด้วยบทความพระคัมภีร์สำคัญหกบทความ…

Table of contents of the http://yomelyah.fr/ website

อ่านพระคัมภีร์ทุกวัน เนื้อหานี้ประกอบด้วยบทความพระคัมภีร์ที่ให้ความรู้ในภาษาอังกฤษ ฝรั่งเศส สเปน และโปรตุเกส (เลือกภาษาและใช้ « Google Translate » พร้อมภาษาที่คุณต้องการเพื่อทำความเข้าใจเนื้อหา)…

***

X.COM (Twitter)

FACEBOOK

FACEBOOK BLOG

MEDIUM BLOG

Compteur de visites gratuit